"ฝายมีชีวิตไชยมนตรี...การบริหารจัดการน้ำแบบพึ่งพาตนเองของชุมชน"

      "ลำน้ำ คลองท่าดี ต้นน้ำเกิดจากแหล่งน้ำหลายสาขาในเขตเทือกเขานครศรีธรรมราช หรือชาวบ้านเรียกว่า เขาหลวง ต้นน้ำมาจาก เขาคีรีวงเขตตำบลกำโลน อำเภอลานสกา ไหลผ่านอำเภอเมือง เรียกว่า คลองท่าดี ผ่านตำบลกำแพงเซา ตำบลไชยมนตรี ตำบลมะม่วงสองต้น อำเภอเมือง เมื่อไหลมาถึง ก่อน
เข้าเมือง คลองแบ่งแยกเป็นหลายสาขา สายหนึ่งไหลเลียบตัวเมืองขึ้นไปทางตะวันออกผ่านตัวเมือง ที่สะพานราเมศวร์ ตำบลท่าวัง ผ่านตำบลท่าซัก ออกทะเลที่ปากพญาเรียกว่าคลองปากพญา"

      คลองท่าดีถือเป็นเส้นเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยง ชีวิตผู้คน พี่น้อง สองฝั่งคลอง และชาวในเมืองนครศรีฯ มานานหลายปี เนื่องจากเทศบาลนครศรีฯ ได้ใช้น้ำในคลองแห่งผลิตน้ำประปา เพื่อผู้คนในชุมชนเมือง
      ในอดีตการเป็นอยู่ของผู้คนในหมู่บ้าน ตำบลไชยมนตรี,ตำบลกำแพงเชา,ตำบลมะม่วงตลอด หมู่บ้านเหล่านี้มีคลองท่าดีไหลผ่าน หล่อเลี้ยงชีวิตผู้คนมานานแสนนาน ชาวบ้านอาศัยหลักการพึ่งพักเอง อยู่กันอย่างพี่น้อง มีอาชีพทำนา ทำสวน ปลูกผัก อาศัยธรรมชาติของฤดูกาล เช่น ก่อนเข้าหน้าฝนจะทำนา หน้าแล้งเก็บเกี่ยวข้าว กรีดยางพารา ฤดูผลไม้ เก็บผลไม้ขาย อยู่อย่างเศรษฐกิจพอเพียง ผลิตที่เหลือนำเอาไปขายในตลาดในหมู่บ้าน
      ก่อนย่างเข้าฤดูฝน โดยเป็นที่รับรู้ โดยทั่วไปในหมู่บ้านว่าประมาณเดือนสิบสอง ฝนตกหนักบนภูเขาทางทิศตะวันตกของหมู่บ้านบริเวณเทือกเขาหลวง โดยการสังเกต เมฆกลุ่มฝนว่า มีลมพัดพาเมฆฝนจากทิศตะวันตก ไปตกทางทิศตะวันออก ลักษณะการตกของฝน ตกไล่มาจากฝั่งทิศตะวันตก ผ่านหมู่บ้าน และมรสุมจะพาฝนไปตกทางทิศตะวันออกเป็นอย่างนี้หลายวัน วันละหลายๆครั้ง ตามสำเนียงชาวบ้านว่า “ฝนตกมาทางออกแล้วตกพล้าดขึ้นตก” ชาวบ้านจะสังเกตว่าน้ำที่ไหลมาจากต้นน้ำ ซึ่งชาวบ้านเรียกว่าทาง “เหนือ” (ชาวบ้านสมัยก่อน แบ่งโซนหมู่บ้านเป็น “หมู่เหนือ” หมายถึงชาวบ้านแถวอำเภอลานสกา “บ้านเรา”คือตำบลไชยมนตรี กำแพงเซาและ “หมู่นอก” หมายถึง แถวอำเภอปากพนัง)
       น้ำซึ่งไหลมามีสีขุ่น มีระดับน้ำเพิ่มขึ้น ก็จะบอกต่อๆกันไปว่ามีน้ำมาแล้วเตรียมตัว เพื่อรับมือกับน้ำท่วม โดยย้ายสิ่งของไปไว้ในที่สูง เตรียมอาหาร เสบียงไว้พอสัก 2-3 วัน เพื่ออยู่กับน้ำโดยไม่เดือดร้อน เพราะบ้านเรือนส่วนมากมีใต้ถุนสูง ผิดกับบ้านเรือนสมัยนี้ ก่อสร้างโดยไม่มีใต้ถุน
        เมื่อมีน้ำมาชาวบ้านส่วนหนึ่งจะเตรียม อวน ยอ ตาข่าย ไซ โพงพางขนาดเล็ก เพื่อเตรียมดักปลาชนิดหนึ่งที่ชาวบ้านชอบ และอยากกินในฤดูน้ำหลาก คือ “ปลาเลียหิน “ ปลาเลียหินนี้มีลักษณะเป็นปลาตัวยาวๆ มีไข่เต็มท้อง ตัวขนาดวัดวงรอบ ได้ประมาณ 1-2 นิ้ว จะมากับน้ำเพื่อวางไข่ เมื่อวางไข่เสร็จ จะพาตัวเองขึ้นไปอยู่ต้นน้ำที่เดิม ชาวบ้านจะวางอุปกรณ์ดักปลาชนิดนี้ ตอนปลา “เลียหิน” มากับสายน้ำครั้งแรกๆ ปลาจะติดอุปกรณ์ดักปลาอย่างง่ายดายเพราะมีไข่เต็มท้อง
        ก่อนฤดูย่างเข้าฤดูฝน เป็นฤดูทำนา คนในหมู่บ้านจะทำนาพอกินไปในระยะเวลา 1 ปี ที่เหลือจะนำไปขาย ไม่เก็บไว้ เพราะทำให้เมื่อสีเป็นข้าวสาร จะไม่มีคุณภาพ เพราะเมื่อเก็บไว้นานๆ ข้าวจะแดง พอย่างเข้าเดือน มีนาคม เมษายน ข้าวในท้องนาจะสุกเหลืองอร่าม พร้อมที่จะเก็บเกี่ยว ก็พากันลงแขก ชาวบ้านเรียกว่า “ออกปาก” ช่วยกันเกี่ยวข้าวกันจนหมดของใครคนใดคนหนึ่งก่อน ไปจนหมดทุ่งนา
       ผู้คนในหมู่บ้านอยู่กันแบบสบายๆ มานานหลายปี หลายชั่วอายุคน มีคำพูดเล่นกันในหมู่บ้านว่า ”ถ้ายืมเงินเพื่อน ที่ไม่มากมายสักเท่าไหร่ จะคืนเจ้าของต่อเมื่อน้ำ"คลองแห้ง" เพราะน้ำคลองท่าดีในสมัยก่อนไม่เคยแห้งเหมือนสมัยนี้ เป็นการยืนยันว่าคลองท่าดี สมัยปู่ย่า ตายาย ไม่เคยเหือดแห้ง
       เมื่อ 40 ปีที่แล้ว ชาวบ้านอยากทำนาก็ต้องลงขันกันทางแรงงานหาวัสดุที่หามาได้ในหมู่บ้าน เช่น ทางมะพร้าว กระสอบ ไม้ไผ่ ต้นมะพร้าว เชือก และเงินทอง เพื่อก่อสร้างฝายเล็กๆ หรือที่เรียกว่า “นบ” เพื่อทดน้ำให้ผ่านเหมืองน้ำเล็กๆ เพื่อนำน้ำจากคลองมาทำนา เช่น “นบหนองบัว” “นบเตียน” ซึ่งเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านตั้งแต่ไหนแต่ไรมา
        ภาครัฐได้มีก่อสร้างฝายกันน้ำคลองท่าดี ซึ่งเริ่มดำเนินการในปี 2518 จนสร้างเสร็จในปี 2531ประกอบกับการใช้ประโยชน์ในที่ดินบริเวณต้นน้ำได้เปลี่ยนแปลงไป จากนั้นเป็นต้นมาพบว่าในหมู่บ้าน น้ำในคลองท่าดีไหลผ่าน ได้เปลี่ยนไป แห้งขอดตลอด ลำคลอง มีน้ำน้อยในหน้าแล้ง น้ำมากในหน้าฝน บริเวณในหมู่บ้านสังเกตว่า น้ำใต้ดินลดลง โดยสังเกตจากบ่อน้ำต่างๆ ของชาวบ้าน ทั้ง สองฝั่งคลอง บ่อน้ำบางแห่งซึ่งห่างจากตัวคลองไม่มาก เมื่อก่อนน้ำอุดมสมบูรณ์ กลับกลายเป็นไม่มีน้ำในหน้าแล้ง ทำให้ต้นไม้ สวนผลไม้ ไม่มีผลผลิตเท่าที่ควร ยางพารา ไม่ให้ผลผลิต ที่นาปรับเปลี่ยนสวนเนื่องจากไม่มีน้ำจะทำนา นอกจากนั้น เมื่อก่อนในคลองจะมีน้ำตลอดลำคลอง จะมีสัตว์น้ำ อุดมสมบูรณ์ เช่นปลาปก ปลาโสด ปลาตะเพียน หอยขม กุ้ง ปลาทราย ได้ลดจำนวนลงเป็นอย่างมาก สภาพคลองเสื่อมโทรม ไม่มีน้ำในหน้าแล้ง สัตว์น้ำบางชนิดแทบจะหมดไปจากลำคลอง
       ชาวบ้านพบบทเรียนเกี่ยวกับแนวทาง การดำเนินชีวิตเปลี่ยนไปจากการที่ต้องซื้อน้ำมาดื่ม สัตว์น้ำในลำคลองสายนี้แทบจะไม่มีแล้ว บ่อน้ำแห้ง แห้งไปทั้งหมู่บ้าน เคราะห์ร้ายที่สุด ชาวบ้านมีสวนผลไม้ คนละนิดหน่อยส่วนหนึ่งต้องแห้งเฉาตาย บางส่วนผลิตออกดอกออกผลได้จริงแต่ผลไม่เจริญเติบโตเท่าที่ควร เพราะไม่มีน้ำไปหล่อเลี้ยงสวนผลไม้เหล่านั้น หลายชุมชนต้นน้ำ จึงเลือกที่จะบริหารจัดการน้ำด้วยตัวเอง จากภาวะน้ำแล้งที่ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิต ตามที่กล่าวมาแล้วข้างต้น หลายชุมชน เช่น ชุมชนคีรีวง ชุมชนกำแพงเซา ชุมชนไชยมนตรี ชุมชนมะม่วงสองต้น เริ่มได้คิด และรับรู้ถึงความแห้งแล้ง
       ดังนั้นจึงเกิดความร่วมมือหลายฝ่ายเช่น คุณเดชฤทธิ์ ไชยกล ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 4 ตำบลไชยมนตรี อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช แกนนำชาวบ้าน ลุงภิญโญ ดร. ดำรง โยธารักษ์ ผู้อำนวยการสถาบันพึ่งพาตนเอง คุณสมเดช คงเกื้อ จากสโมสรไลอ้อนจังหวัดนครศรีธรรมราช ผลักดันให้เกิดฝายเพื่อจุดประกายให้ชุมชนมาร่วมกันลงแขกลงขันลงทุนอุปกรณ์และแรงงานทั้งหมดทั้งสิ้นโดยไม่ใช้งบประมาณจากภาครัฐ เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์สำคัญของโครงการที่ตั้งใจจะให้ชุมชนเป็นพลังสำคัญในการเปลี่ยนแปลง เริ่มตั้งแต่การระดมความคิด การร่วมกันตัดสินใจจนกระทั่งร่วมลงมือทำโดยมีนักวิชาเป็นพี่เลี้ยงช่วยเสริมความรู้ให้เท่านั้น กระบวนการเหล่านี้เอง เรียกว่า “การสร้างชุมชนมีส่วนร่วมให้เข้มแข็งได้อย่างยั่งยืน การสร้างฝายมีชีวิตในครั้งนี้เราไม่เพียงแต่ได้เรียนรู้กับภูมิปัญญาของชาวบ้าน ที่สร้างฝายจากไม้ไผ่ ใช้ทรายจากลำธาร และเทคนิคการมัดเชือกเท่านั้น ยังเป็นนวัตกรรมของคุณสมเดช คงเกื้อ ที่เลียนแบบธรรมชาติสามารถเรียกปลา เรียกป่ากลับคืนมา เรียกชุมชนที่เข้มแข็งกลับคืนมา ในวันนี้การทำฝายมีชีวิตของคลองท่าดี สามารถเป็นต้นแบบแห่งความสำเร็จจากต้นน้ำที่ขยายต่อๆ ไปจนถึงปลายน้ำ
หลักคิดของฝายมีชีวิต
ฝายมีชีวิต เป็นกระบวนการการแก้ปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง น้ำหลาก และเพิ่มน้ำใต้ดิน โดยใช้ภูมิปัญญาชาวบ้าน ผสมผสานกับแนวคิดการจัดการตนเองของชุมชน สามารถจัดการ “ทุน” ชองเขาได้เอง สามารถกำหนดทิศทางการบริหารจัดการน้ำในชุมชนของเขาเอง อีกทั้งมีแผนการจัดการ เป็นอย่างระบบ โดยมีภาคเครือข่ายด้านวิชาการ และส่วนราชการที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องเป็นพี่เลี้ยง
หลักการของฝายมีชีวิต
1. ไม่ใช้โครงสร้างแข็ง ที่เป็นสิ่งแปลกปลอมทางธรรมชาติ เช่น ปูน,เหล็ก
2. ใช้ระบบนิเวศน์ของรากไทร เป็นตัวยึดโครงสร้างฝาย ซึ้งใช้โครงสร้างเป็นไม้ เช่น ไม้ไผ่ ไม้กระถิน ซึ่งหาได้ในชุมชน เป็นต้น เป็นโครงสร้างพื้นฐานในช่วงแรกของการทำฝาย ช่วงหลังนี้พบว่าต้นคล้ายจะมีลักษณะที่จะมาทดแทนต้นไทรได้ เพราะมีรากมากกว่าต้นไทร
3. ตัวฝาย เป็นตัวกั้นน้ำ,ดินเป็นตัวเก็บน้ำ พืชทั้งสองฝั่งคลองเป็นตัวให้น้ำ
ประโยชน์ของฝายมีชีวิต
1. ในช่วงน้ำหลาก ฝายมีชีวิตชะลอน้ำไม่ให้น้ำไหลแรง
2. เก็บกักน้ำทำให้ระดับน้ำใต้ดินสูงขึ้น ชาวบ้านสามารถใช้บ่อน้ำตื้นในการอุปโภค บริโภค จากต้นไม้ ปลูกพืชผักสวนครัว และนำมาใช้ในหน้าแล้ง ในการทำสวนมังคุด ทุเรียน เงาะ มะนาว เป็นต้น
3. ทำให้ระบบนิเวศน์ บริเวณสองฝั่งคลองคืนสภาพ เช่น ต้นไม้ไผ่ ต้นสาคู ตลอดจนต้นเลา อยู่ได้ตลอดถึงฤดูแล้ง ต้นไม้เหล่านี้จะทำหน้าที่ ไม่ใช่ตลิ่งของฝั่งคลองต้องถูกกัดเซาะในหน้าน้ำนอง
4. ฝายมีชีวิตไชยมนตรี สามารถเก็บกักน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้งในท้องคลอง โดยการคำนวณปริมาณน้ำที่สามารถเก็บกักไว้ในหน้าแล้ง โดยเฉลี่ยไม่น้อยกว่า 60,000 ลูกบาศก์เมตร
5. สามารถระบายน้ำใต้ดิน และบนดินให้ผู้ใช้น้ำปลายน้ำ สามารถมีน้ำใช้ในฤดูแล้งได้
6. ปัจจุบันปริมาณน้ำใต้ดินลดปริมาณลงอย่างมาก เพราะส่วนราชการมักแก้ปัญหาโดยเมื่อมีน้ำมาก ก็ฝันน้ำให้ลงสู่ทะเลให้เร็ว จนน้ำไม่สามารถซึมผ่านลงดินได้ ฝายมีชีวิตสามารถช่วยชะลอน้ำให้มีน้ำ มีเวลาซึ่งลงสู่ใต้ดินได้
7. ฝายมีชีวิตไม่ตัดวงจรทางระบบนิเวศน์ ทั้งสัตว์น้ำและสัตว์พืช สัตว์น้ำสามารถผ่านไปมาได้ทางบันไดหน้า หลังของฝายมีชีวิต ปลาสามารถวางไข่ได้ตามธรรมชาติ
8. ฝายมีชีวิตสามารถสร้าง “วังน้ำ” ตามธรรมชาติที่หายไปจากการขุดลอก ทำให้วิถีชีวิตริมคลองกลับคืนมา เช่น ปลา นก กบ เขียด ตะพาบน้ำ หอย กุ้ง ตลอดจน ต้นไม้ เช่น ต้นจาก ต้นเลา ต้นพาเข ที่มีมาสมัยเก่าๆ กลับคืนมา
9. คืนความสดใส คืนชีวิตสัตว์น้ำ คืนภาพนิเวศน์ คืนความสุขให้กับชาวชุมชนกลับมาอีกครั้ง
ผู้เรียบเรียง ประดิษฐา พรหมจรรย์ tun07@hotmail.com 
ขอบคุณท่านที่เสียสละแรงกาย แรงใจ ความคิดและท่านที่ส่วนร่วมทุกท่าน
คุณเดชฤทธิ์ ไชยกล ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 4 ต.ไชยมนตรี อ.เมือง จ.นครศรีฯ
ดร. ดำรง โยธารักษ์ ผู้อำนวยการสถาบันเรียนรู้เพื่อจัดการตนเอง
คุณสมเดช คงเกื้อ สโมสรไลอ้อนจังหวัดนครศรีธรรมราช
นางวัลภา พุทธพฤกษ์ สมาชิกสภาตำบลไชยมนตรี
ลุงภิญโญและผู้มีส่วนร่วมทุกคน


รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายสุรพล ปัตตานี และคณะ ให้เกียรติมาเยี่ยมฝายมีชีวิต ไชยมนตรี


รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายเสรี โสภณดิเรกรัตน์ ให้เกียรติมาเยี่ยมฝายมีชีวิต ไชยมนตรี














ไม่มีความคิดเห็น:

Manager Online - Breaking News