วิศวะกรน้อย ร้อยวัง กลุ่มเด็กรักษ์ละอาย
ปลายเดือน มกราคม 2557 พื้นที่ชุมชนริมเทือกเขาหลวงฝั่งตะวันตกอันเป็นพื้นที่ป่าต้นน้ำคลองอาย ลำคลองสายย่อยของต้นน้ำตาปี น้ำในลำคลองอายลดระดับลงอย่างรวดเร็ว หลังจากที่ฝนทิ้งช่วงไปประมาณ 1 เดือนเศษ โครงการ วิศวะกรน้อย ร้อยวัง จึงเกิดขึ้นอย่างเร่งด่วน เช้าวันที่ 31 มกราคม 2557 ชักชวนเด็กๆ ว่า จะลงแรงกันไหมทำวังน้ำในลำคลองบ้านเรา เพื่อชะลอน้ำ
และเก็บน้ำแบบง่ายๆ ตามที่เราทำได้ ด้วยตัวพวกเราเอง โดยไม่ต้องรอความช่วยเหลือจากใครๆ เป็นโครงการที่คิดกันเอง ทำกันเอง ใช้เวลาวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ หลังจากเสร็จภารกิจอื่นๆแล้ว เราเจอกัน เป็นโครงการเร่งด่วนที่ต้องทำเลย เพราะหากไม่ทำเดือนนี้ เดือนหน้าอาจจะไม่มีน้ำให้เราได้ชะลอได้เก็บเลยก็เป็นได้ ในฐานะที่เราอยู่ต้นน้ำจึงถือ เป็นภาระหน้าที่ของพวกเรา “คนต้นน้ำ” กลุ่มเด็กรักษ์ละอาย ภายใน 1 วัน เด็กๆ ในหมู่บ้านที่ทราบข่าวต่างชักชวนกันเองพร้อมทั้งขออนุญาตผู้ปกครอง วันรุ่งขึ้น วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2557 เวลาบ่ายโมงเศษ เด็กๆ รวมตัวกันได้ 22 คน หลังจากผ่านไป 1 ชั่วโมง มีสมาชิกมาเพิ่มเป็น 35 คน เราเริ่มต้นด้วยการคุยกติกา ห้ามโยนก้อนหินเป็นอันขาด ไม่ว่ากรณีใดๆ ให้ใช้ความสามัคคี ช่วยเหลือกัน แบ่งงานกันทำตามหน้าที่ การดักน้ำ หรือการทำวังน้ำให้พิจารณาดูตามลักษณะพื้นที่คลอง ความลาดชัน ความกว้าง และความเหมาะสมของตลิ่ง รวมถึงปริมาณน้ำที่จะเก็บกักและชะลอได้ เด็กหลายคนเคยลงคลองหาปลากับพ่อแม่ หรือปู่ ย่า ตา ยาย มาก่อนจึง แสดงความคิดเห็นและบอกต่อความรู้ให้เพื่อนๆได้ทราบ ในเรื่องของการวางก้อนหิน การหาเศษใบไม้มาช่วยดักน้ำ การวางหินตามแนวกั้นกับตลิ่ง เพื่อป้องกันการพังทลายของตลิ่ง การใช้แนวรากไม้ริมตลิ่งให้เป็นประโยชน์
กิจกรรมเริ่มต้นด้วยความตื่นเต้น สนุกสนาน และดำเนินไปอย่างเพลิดเพลิน เหมือนไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ความหวังคือ ร้อยวัง ลองถามเด็กๆว่า คำว่า ร้อย หมายความว่าอะไรได้บ้าง เด็กตอบได้ทันทีว่า ร้อย คือ จำนวน ถามต่อไปว่า หากนอกเหนือไปจาก จำนวน หมายความว่าอะไรได้อีก มีเสียงหนึ่งตอบมาว่า คือการทำให้ติดกัน คือการนำมาเย็บให้ติดต่อกัน ฉะนั้นการทำโครงการ ร้อยวัง ในที่นี้ น่าจะหมายถึง การทำวังน้ำติดต่อกันในลำคลองอาย ให้ได้จำนวน 100 วัง พอไหวไหม ... ทุกคนตอบพร้อมกันโดยไม่ต้องนัดว่า “ไหว” เสียงพูดคุย และเสียงหัวเราะของเด็กๆที่ดังลั่นลำคลอง ทำให้ผู้ใหญ่หลายคนที่ผ่านไปมาบนถนน อดไม่ได้ที่จะชะโงกมองลงมาพร้อมด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
แดดบ่ายสาดผ่านช่องพุ่มไม้ลงสู่ลำคลอง เด็กจึงได้อาศัยคลายหนาวเย็นจากน้ำได้บ้าง หากใครร้อนก็ลงวังน้ำ หนาวหน่อยก็ขึ้นมาอุ่นแดด เสียงหยอกล้อ เสียงใช้งานของคนโน้นคนนี้ ทำให้เห็นพลังอันบริสุทธิ์มหาศาลของเด็กๆ ความหวังข้างหน้าคงจะอยู่ที่นี่ ก็คงจะเป็นมือน้อยๆ นี้ที่จะสร้างชาติ
ในชุมชนบ้านสวนอาย มีลำคลอง 2 สายที่มีต้นน้ำไหลมาจากเทือกเขาหลวง มาบรรจบกันที่ตอนบนของหมู่บ้าน เราตกลงกันว่าจะทำวังน้ำในลำคลองในส่วนที่อยู่เหนือชุมชนขึ้นไป ทั้งสองสายคือสายคลองอายถือเป็นสายหลักและสายคลองหัวนอน เป็นสายรอง ความสูง และความลาดชันจะทำให้หมู่บ้านได้รับประโยชน์จากการทำวังน้ำครั้งนี้ และหากชาวบ้านเองให้ความสำคัญเรื่องนี้แล้วหันมาทำวังน้ำกันเอง หลังบ้านใครก็ทำกันทุกบ้าน เราจะมีจำนวนวังน้ำเพิ่มมากขึ้น และเราจะรอดพ้นจากภัยแล้งกันไปได้ ทั้งตำบล รวมไปถึงคนกลางน้ำบางส่วน แต่หากตลอดสายน้ำเราใช้วังน้ำเป็นเครื่องมือในการกักเก็บและ ชะลอน้ำลงมือทำ ก่อนเกิดวิกฤติ เราก็จะไม่ประสบปัญหาภัยแล้ง หรือหากฝนทิ้งช่วงนานกว่าที่คาดไว้ เราก็ยังยื้อน้ำไว้ได้นานขึ้น
เด็กๆ แสดงความคิดเห็นว่า ห้ามใช้วิธีขุดลอกคูคลองเป็นอันขาด เพราะยิ่งขุดลอก ยิ่งลึก เรายิ่งประสบภัยแล้ง วิธีของหน่วยงานต่างๆ ปัจจุบันนิยมการขุดลอกคูคลอง ที่นับวันจะยิ่งสร้างปัญหา ยิ่งขุดยิ่งลึก น้ำก็ยิ่งลดระดับลงไปหาที่ต่ำกว่าทุกปี บางหมู่บ้านขุดลอกจนปริมาณน้ำในสระธรรมชาติ ลำห้วย ลำคลองสายเล็กๆที่มีอยู่ตามธรรมชาติพากันแห้งผาก น้ำในดินที่เคยไหลเติมให้ห้วยหนองคลองบึงก็พากันแห้งแล้งไปสิ้น ส่งผลไปยังการเจริญเติบโตของต้นไม้ที่อยู่บนดินอีกด้วย การพูดคุยในลำคลองครั้งนี้นำพาเด็กๆๆ ไปสู่ปัญหาของหมู่บ้านที่กำลังประสบอยู่ อย่างไม่ตั้งใจ และโดยที่ผู้ใหญ่บางคนยังคิดไปไม่ถึง
การเป็นชุมชนเล็กๆ อย่างที่นี่มีข้อดีมากมาย บนความเกี่ยวพันอันใกล้ชิดของระดับเครือญาติ บนความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ บนเงื่อนไขของการใช้ทรัพยากรธรรมชาติเพื่อประกอบอาชีพ บนรากฐานของการดำรงชุมชนเพื่อความอยู่รอด ในห้วงเวลาแห่งการเชื่อมต่อของยุค ความหมายหลายอย่างเริ่มบิดเบือน เช่น ความสะดวกสบาย- ความฟุ่มเฟือย ให้ความสำคัญกับวัตถุมากเกินไป ทุกกลุ่ม ทุกชนชั้นถูกทำให้เสพติด เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นทุกหย่อมหญ้าในประเทศไทย ไม่เว้น แม้แต่ในชุมชนเล็กๆอย่างที่นี่ ว่าแต่เรารู้ตัวกันหรือไม่ มองเห็นวิธีป้องกันหรือไม่ เป็นหน้าที่ของพ่อแม่และคนทุกคนในชุมชน
เด็กๆที่นี่ รวมกันจัดตั้งกลุ่มเรียกกันว่า กลุ่มเด็กรักษ์ละอาย ทุกคนเข้าร่วมกิจกรรมอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กันทุกปีติดต่อกันมาเป็นเวลา 7 ปี แล้ว ทุกๆปี เด็กๆ จะเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรม ฉะนั้นเมื่อพูดถึงเรื่องการอนุรักษ์ จึงไม่ต้องชักโจทย์ยาวก็สามารถเข้าใจและปฏิบัติได้
การทำวังน้ำใน เสาร์ – อาทิตย์ แรก เราใด้ระยะทางในลำคลองประมาณ 1 กิโลเมตร เกิดวังน้ำประมาณ 30 วัง ปริมาณน้ำโดนกักจนเอ่อ ขึ้นปริ่มจนต้องซ่อมแซมแนวกั้น ความสำเร็จแสดงออกมาให้เห็นเด่นชัดบนใบหน้าของเด็กๆ รอยยิ้มและสรวลเสเฮฮาไม่เคยเงียบ เราชวนกันเดินทวนน้ำขึ้นไปดูเหนือน้ำตก ที่เด็กๆ เรียกกันว่า หนานนุ้ย ( หนาน หมายถึงแนวก้อนหินขนาดใหญ่ ที่มักจะกั้นตามแนวลำคลองจนเกิดเป็นน้ำตก หนาน จึงหมายถึงน้ำตก ก็ได้ ) หนานนุ้ย มีความสูงประมาณ 10- 15 เมตร เด็กๆ เดินไต่ก้อนหิน ขึ้นไปจนถึงลำน้ำด้านบน สภาพก้อนหินไม่ต่างกันนักกับด้านล่างน้ำตก เราวางแผนการทำงานในอาทิตย์ถัดไปอีกครั้ง ที่นี่เป็นที่สูง หากเราได้เก็บน้ำไว้บนที่สูง พื้นที่ด้านล่างจะได้รับประโยชน์อย่างทั่วถึง ทุกคนเห็นด้วยว่า เราต้องช่วยกันทำวังน้ำในลำคลองอายนุ้ย เพิ่มขึ้นไปอีก เพราะยิ่งทำที่สูงยิ่งได้ประโยชน์ เมื่อวังน้ำสายนี้แล้วเสร็จจนถึง ต้นน้ำ หรือตัวน้ำตกคลองอาย ที่มีความสูง ประมาณ 150 เมตร เราจึงจะไปเริ่มต้นกับลำคลองสายรองอีกสายหนึ่ง หากเราปิดโครงการได้ภายใน 1 เดือน เราจะสรุปงานด้วยการจัดค่ายเยาวชนประจำปี ในเดือนมีนาคมนี้ พร้อมกับให้รางวัลโดยการพาไปเดินป่าอีกหนึ่งทริป แน่นอนว่า เป็นที่ถูกใจของเด็กทุกคน
บรรยากาศในลำคลอง ที่เย็นสบาย เสียงน้ำไหลลดเลี้ยวลงสู่วังต่างๆ กับเงาไม้ที่ทอดให้ร่มเด็กๆในยามเย็น ได้เวลากลับบ้าน เสียงเริ่มเบาลง ทุกฝีเท้าก้าวลงบนหินก้อนแล้วก้อนเล่า ตามสายน้ำ สัจจะธรรมปรากฏ ศรัทธาก็ปรากฏและพร้อมจะนำทางเราไป พลันได้ยินเสียงแว่วที่ลอยมากับลมแดนไกล .. ปฏิรูป ..ปฏิรูป... ใช่ ..เพราะสายน้ำไม่ไหลย้อนกลับ และทรัพยากรธรรมชาติ ก็กำลังหมดไป เพื่อลมหายใจแห่งอนาคต จึงเข้าใจว่าทำไมต้องปฏิรูป
โดย ป้าเจี๊ยบ กลุ่มเด็กรักษ์ละอาย
ที่มา https://www.facebook.com/profile.php?id=100008948207449&fref=ts
ที่มา https://www.facebook.com/profile.php?id=100008948207449&fref=ts