วันนี้ได้ไปร่วมในการพูดคุยเรื่องฝายมีชีวิตคลองไชยมนตรี ตามคำเชิญทางไลน์ ของอ.สวัสดิ์ สมัครพงษ์ จับใจความได้ว่า ร่วมทัศนศึกษาฝายมีชีวิตคลองท่าดีแหล่งสต็อคน้ำฟื้นฟูระบบนิเวศเพื่อชุมชน โดยมีกลุ่มขับเคลื่อนฝายมีชีวิต ผู้บริหารเทศบาล และผู้บริหารอบจ. และสื่อมวลชน
แต่พอฟังแล้วไม่ใช่การทัศนศึกษาเพื่อเรียนรู้อย่างเดียว น่าจะเป็นการมาดูว่าคนไชยมนตรีเก็บน้ำไว้ได้ตั้งมากมาย ในขณะเดียวกันคนในเมืองกำลังขาดแคลนน้ำ นี่มันเป็นการเอาเปรียบกันหรือไม่
เรื่องคนในเมืองขาดแคลนน้ำ ผมกล้าพูดว่าขาดแคลนเกือบทุกปี รวมทั้งคนไชยมนตรีในช่วงหลายปีที่ผ่านมาก็มีช่วงระยะเวลาขาดแคลนน้ำเช่นกัน แต่สองปีที่ผ่านมา คนไชยมนตรีค้นพบวิธีแก้ปัญหาน้ำแล้งได้อย่างถาวร แถมยังบรรเทาปัญหาน้ำท่วมได้ ปี 2557 คนเทศบาลก็เคยกล่าวหาว่าคนไชยมนตรีกักน้ำไว้ ในขณะที่ความเป็นจริง น้ำไหลผ่านฝายตลอด เพียงแต่คนในเมือง มีความเย่อหยิ่ง ไม่ยอมมาศึกษาดูว่าที่คนไชยมนตรี แก้ปัญหาน้ำได้นั้นเขาทำอย่างไร เมื่อผ่านหน้าแล้งไปแล้ว คนในเมืองก็เบาตัวเรื่องภัยแล้ง พอถึงหน้าฝนก็เริ่มกังวลเรื่องน้ำท่วม โชคดีปีนี้น้ำไม่ท่วมเมืองเหมือนปีก่อน คนเมืองรู้ไหมว่า ทำไมน้ำไม่ท่วมเมือง ทั้งๆที่เทศบาลประกาศให้คนในเมืองเตรียมตัวรับน้ำท่วม
มาปีนี้พอถึงหน้าแล้งก็มาอีกแล้วมาหาและบอกว่าให้คนไชยมนตรี ช่วยปล่อยน้ำให้ด้วย ฮ่าฮ่าฮ่า มีด้วยเศรษฐีในเมืองมาขอน้ำจากคนจนบ้านนอก เราสร้างฝายมีชีวิตของเราด้วยความยากลำบากเพื่อเก็บน้ำจากฟ้าไว้ใช้ ไม่ได้ไปปล้นน้ำจากใครมาเก็บไว้เลย ทำไมช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาไม่คิดเก็บกักน้ำไว้บ้าง คลองท่าดีหรือคลองไชยมนตรี ไหลจาก อ.ลานสกา จนผ่านอ.เมืองนครศรี ถ้าช่วยกันทำฝายมีชีวิตให้ต่อๆกันมา ก็จะมีน้ำจำนวนมากเหมือนที่ฝายมีชีวิตไชยมนตรี
พวกเราชาวฝายมีชีวิตทั้งหลายรู้กันมานานแล้วว่า การทำฝายมีชีวิตเป็นการยกระดับน้ำ นอกจากจะมีน้ำในคลองในลำน้ำแล้ว น้ำจากฝายของพวกเรา ยังซึมเข้าไปในแผ่นดินสองฝั่งคลองอีกเป็นระยะทางประมาณข้างละสองกิโลเมตรเป็นอย่างน้อย และต้นไม้ทั้งหลายจะดูดขึ้นไปเก็บไว้เป็นอ่างน้ำธรรมชาติขนาดมหึมา สร้างความอุดมสมบูรณ์ให้แก่พวกเรา เมื่อถึงหน้าแล้งน้ำทั้งในดินและต้นไม้สองฝั่งคลองจะค่อยๆคืนกลับลงมาสู่จุดที่มีน้ำน้อยกว่า รวมทั้งส่งให้คนในเมืองด้วย ถามจริงๆเถอะครับ ถ้าพวกเราไม่สร้างฝายมีชีวิตไว้ น้ำในเมืองไม่แห้งหรือครับ มันก็แห้งมาทุกปี อีกทั้งหน้าฝายมีชีวิตจะไม่มีทรายหรือตะกอนมาทับถมอยู่หน้าฝายเลย เพราะตะกอนเหล่านั้นจะถูกน้ำพัดพาผ่านบันไดฝายมีชีวิตไปได้
ส่วนวิธีแก้ปัญหาน้ำอีกแบบหนึ่งคือการขุดลอกคลองให้กว้างและลึกขึ้นนั้น พวกเรารียกว่าเป็นการลดระดับน้ำ เพราะการขุดลอกจะทำให้ท้องคลองลึกกว่าเดิม ต้นไม้เก็บน้ำสองฝั่งคลองถูกทำลายหมด น้ำไหลลงสู่ปลายน้ำโดยสะดวก รวมทั้งน้ำในแผ่นดินสองฝั่งคลองก็จะสะเด็ดตามลงไปด้วย ทำให้น้ำแห้งเร็วมากผิดปกติ
ผมยืนยันว่าทั้งสองวิธีนี้ให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันมาก จนไม่สามารถที่จะนำมาใช้ร่วมกันได้ ถ้าคนในเมืองต้องการแก้ปัญหาภัยแล้ง และบรรเทาปัญหาน้ำท่วม ท่านคงต้องเลือกวิธีใดวิธีหนึ่งเท่านั้น สำหรับพวกเราชาวฝายมีชีวิต เราเลือกวิธีการยกระดับน้ำครับ ท่านใดเห็นด้วยกับวิธีของผมโปรดยกมือ ท่านใดไม่เห็นด้วยโปรดคัดค้านได้เลยครับ
ณัฐธนัน มีแก้ว ครูท้วม ไม้หลา 26 มีนาคม 2558 21.29 น.